ปกติการระเบิดทรายจะเป็นสิ่งที่ยากกว่าการตีบนหญ้า เนื่องจากความหนาแน่นในทรายไม่เหมือนกับบนหญ้า และเป็นการตีที่ผิดปกติ กล่าวคือต้องเปิดหน้าเหล็กตี และต้องตีหลังลูก ไม่ตีที่ลูกเหมือนตีบนหญ้า บังเกอร์หรือบ่อทรายที่อยู่ในสนามกอล์ฟในแต่ภูมิอากาศมีความแตกต่างกันที่นักกอล์ฟควรเรียนรู้ บังเกอร์หน้าแล้ง หรืออากาศแห้ง ทรายก็จะร่วนซุย ส่วนหน้าฝนก็จะอุ้มน้ำหนาแน่น ในบริเวณเดียวกัน แต่ละภูมิอากาศดังกล่าวก็จะมีความแตกต่างกันในแง่ของเทคนิคการเล่น และการเลือกใช้อุปกรณ์
ในแง่ของเทคนิค เนื่องจากถ้าเป็นหน้าแล้งดินร่วนซุย หน้าเหล็กจะเดินทางลงลึกในทรายได้ง่าย ส่วนหน้าฝนดินชื้นอุ้มน้ำมีลักษณะแน่น หน้าเหล็กจะเดินทางผ่านทรายไม่ง่าย ไม่ลงลึก กระดอนเร็ว คล้ายกันตีบนพื้นหญ้าตามปกติ
เทคนิคการตีในทรายช่วงที่เป็นหน้าฝน เนื่องจากทรายจะมีลักษณะหนาแน่น หน้าเหล็กจะไม่สามารถผ่านทรายไปได้ง่ายการตีจึงไม่ใช่การระเบิดทรายตามปกติ ไม่ควรเปิดหน้าเหล็กตี จะตีคล้ายกับการตีบนหญ้า ตีแบบเด็ดลูกบางๆ ควบคุมระยะด้วยน้ำหนักของมือที่ให้
การเลือกใช้อุปกรณ์ อุปกรณ์ก็มีผลต่อการเล่น เพราะปกติเหล็กหน้าหงายหรือแซนด์เวดจ์จะมีขอบด้านล่างใต้เหล็กหนา เพื่อไม่หน้าเหล็กเดินทางลงลึกไปในทรายมาก เมื่อเหล็กลงแล้วความหนาแน่นของทรายจะอุ้มให้เหล็กลอยขึ้นมา ถ้าขอบล่างหน้าเหล็กหนาก็จะลงไม่ลึก แต่ถ้าบางก็จะลงลึก อีกทางหนึ่งถ้าทรายละเอียดซุย ขอบล่างที่หนาก็จะเดินทางไม่ลึกมากจะรีบขึ้นมา ตรงข้ามถ้าขอบล่างบางแคบก็จะลงลึกได้ง่าย ถ้าทรายหยาบ หนาแน่น ขอบที่หนาก็จะไม่สามารถเดินทางลงลึกได้พอ มันจะกระดอนขึ้นมาก่อน แต่ถ้าขอบบางมันจะกัดลงลึกได้ง่ายขึ้น ขอบด้านล่างในภาษากอล์ฟเรียกว่า “เบานซ์” “bounce” ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับ “เบานซ์” ให้นึกถึงเมื่อเร็วกับเรือประมง เรือเร็วจะมีขอบด้านล่างของเรือบางทำให้วิ่งได้ดีกระดอนบนพื้นน้ำ แต่ถ้าเป็นเรือประมงขอบจะหนาส่งผลให้ลงลึกไปในน้ำกระดอนบนผิวน้ำไม่ได้ดี
สรุปให้เข้าใจง่ายๆ คือ ถ้าพื้นทรายหนาแน่นควรให้แซนด์เวดจ์ที่มีเบานซ์บาง (Low Bounce) แต่ถ้าเป็นพื้นทรายนุ่มซุย ให้ใช้เบานซ์ที่หนา (Hight Bounce) ซึ่งเบานซ์บางหรือหนานี้ก็ไม่ถึงกับแตกต่างกันมาก อยากได้แบบไหนต้องถามผู้ขายตามที่ต้องการ

สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมกับโปรเชาว์ เข้าไปได้ที่นี่